ชัยชนะ 3-0 ที่ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดียม ถือเป็นการตอบสนองที่ดี หลังจากผลงานอันย่ำแย่ในช่วงที่ผ่านมา
เพราะนับตั้งแต่โดน ลิเวอร์พูล ถล่มคา โอลด์ แทรฟฟอร์ด บรรยากาศรอบๆ สโมสรอึมครึม กระแสข่าวปลด โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ปะทุรุนแรงอีกครั้ง แต่ทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงเชื่อใจ และมอบโอกาสให้กุนซือนอร์เวย์ทำงานต่อไป
จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ ทุกสายจับจ้องไปยังเกมสำคัญที่กรุงลอนดอน เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา เพราะมันอาจจะเป็นเกมนับถอยหลัง ในฐานะกุนซือปิศาจแดงของ โซลชา
แต่ผลการแข่งขันที่ออกมา กลับเป็นการต่อลมหายใจให้ โซลชา ได้พิสูจน์ผลงานต่อไป พร้อมกับมีหลยๆ อย่างที่ถูกพูดถึงในนัดดังกล่าวโดยเฉพาะการปรับระบบการเล่นจาก ‘แบ็กโฟร์’ เป็น ‘แบ็กทรี’
วินาทีที่รายชื่อถูกประกาศออกมา แฟนบอลเริ่มตั้งคำถามพลางสงสัย ถึงแนวทางการเล่นที่จะดวลกับ ไก่เดือยทอง เพราะ โอเล่ ตัดสินใจยัด ราฟาแอล วาราน ลงเป็นปราการหลังร่วมกับ วิคตอร์ ลินเดเลิฟ และ แฮร์รี่ แม็กไกวร์
แน่นอนว่ากุนซือชาวนอร์เวย์พยายามเน้น ความรัดหลังจากช่วงที่ผ่านมาโดน ถลุงตาข่ายแทบไหม้ นอกจากนั้นยังมีเรื่องน่าสนใจ คือการวาง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงเล่นกองหน้าคู่กับ เอดินสัน คาวานี่
รูปเกมที่เกิดขึ้นในช่วงแรก ถือว่าไม่ได้แตกต่างไปที่ผ่านๆ มา แม้ทาง ผีแดง จะมีโอกาสครองบอลและพยายาม เข้าทำกระนั้นจังหวะสุดท้ายยังคงขาดๆ เกินๆ กันเหมือนเดิม
ในช่วงที่รูปเกมเริ่มเอนเอียงไปทาง สเปอร์ส บรรดานักเตะผีแดง ต้องเจอพายุโหมกระหน่ำอีกครั้ง ทว่ากลับเป็นทางเจ้าบ้านเองนั่นแหละ ที่ไม่มีความเฉียบคมพอจนไม่สามารถ สร้างความอันตรายใดๆ ให้กับปิศาจแดงทั้งที่ มีโอกาสจะแจ้งเพื่อจะออกนำ
นั่นคือจุดเปลี่ยนแรก ที่ทำให้เกมยังคงดำเนินไปอย่างสูสี จนกระทั่งประตูสุดสวยของ โรนัลโด้ บังเกิดช่วงท้ายครึ่งแรก มันคือจังหวะที่พอเหมาะพอเจาะ ทั้งการเปิดบอล, น้ำหนัก, ทิศทาง และที่สำคัญคือจังหวะจบสกอร์ของ ‘CR7’
ประตูนั้นทำให้เกมเปลี่ยนไปทันทีเพราะ ผีแดง สามารถเล่นแบบเน้นรับรอสวนกลับ ตามถนัดของ โซลชา ได้เต็มที่ อีกทั้งความมั่นใจ ที่เพิ่มพูนส่งผลให้สีหน้าผู้เล่นทีมเยือนสดใสขึ้น
เกมในครึ่งหลังไม่ต่างกันกับ 45 นาทีแรก โดยเฉพาะรูปเกมที่ชัดเจน ทั้งเกมรุกและเกมรับ ที่ระบบจะปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม
ยามที่ทีมเป็นฝ่ายตั้งรับ วิงแบ็กทั้งสองข้างอย่าง อารอน วาน-บิสซาก้า และ ลุค ชอว์ จะลงมายืนเป็นแผงหลัง 5 คนเรียงหน้ากระดาน พร้อมกับมี บรูโน่ แฟร์นันด์ส ถอยลงมายืนมิดฟิลด์ ทางขวาเพื่อช่วยงาน เฟร็ด กับ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์
นอกจากนั้น คาวานี่ ยังถอยลงมาต่ำเพื่อ คอยไล่บอลช่วยงานคนอื่นๆ อีกแรงทำให้พื้นที่ของ สเปอร์ส น้อยลงกว่าเดิม
กลับกันเมื่อทีมเป็นฝ่ายครองบอล หรือทำเกมบุก วิงแบ็กสองข้างจะเติมเกมริมเส้น เพื่อเป็นทางเลือกในการเล่นงาน ฟูลแบ็กเจ้าบ้าน นอกจากนั้น บรูโน่ จะคอยทำหน้าที่เป็นตัวปั้นเกม อย่างเต็มรูปแบบ โดยให้ คาวานี่ และ โรนัลโด้ สลับตำแหน่งตามความหมาะสม ในช่วงเวลานั้น ลงมารับบอลหรือคอยเปิดทางการเล่น
แบบแผนเกมบุกที่ว่า จะเห็นได้อย่างชัดเจนในจังหวะทำประตู ในครึ่งหลังของ โรนัลโด้ ที่โดนปฏิเสธจากธงล้ำหน้า และประตูนำ 2-0 ของ คาวานี่ ที่มาจากการเล่นไม่กี่จังหวะ ซึ่งเป็นการสอดประสาน ของนักเตะเกมรุกไม่กี่รายเท่านั้น
แม้แต่ประตูปิดกล่องของ มาร์คัส แรชฟอร์ด ก็มาจากการเล่น น้อยจังหวะอาศัยการตัดเกม และความเร็วในการเล่นงานแนวรับที่ดันสูง ของสเปอร์ส
สกอร์ที่ออกมาถือว่าขาดลอย และเป็นการตอบสนองที่ดีของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่สำคัญคือ พวกเราได้เห็นบรรดานักเตะส่วนใหญ่ ยังคงหนุนหลัง โซลชา อย่างเต็มที่ เห็นได้จากปฏิกิริยา หลังสิ้นเสียงนกหวีดที่สีหน้าท่าทาง แสดงออกมาอย่างชัดเจน
กระนั้นคำถามต่อมา คือผลงานหลังจากนี้จะเป็นเช่นไรต่อไป? เพราะอย่าลืมว่าที่ผ่านๆ มา เมื่อสถานการณ์เข้าตาจน หรือถอยหลังลงคลองจนมีกระแสไล่ออก บ่อยครั้ง ที่ฟอร์การเล่นของทีมกระเตื้องขึ้นมา พอให้หลุดพ้นกระแสดังกล่าว แต่หลังจากนั้น ก็กลับมาวนลูปเดิมอีกครั้ง
นี่คือสิ่งที่น่ากลัว และน่ากังวลเพราะมันแสดงให้เห็นถึงความไม่ต่อเนื่อง และเป็นวัฏจักรที่้ซ้ำไปมาเช่นนี้ อยู่หลายครั้ง
จึงน่าสนใจว่ารอบนี้ จะเป็นเหมือนที่ผ่านมา หรือว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนอย่าง โรนัลโด้ ออกมาให้สัมภาษณ์ หลังจบเกมที่ลอนดอนทางตอนเหนือหรือไม่
หากมองแค่ผลงานนัดที่ผ่าน มาถือว่าเป็นการตอบสนองที่ดี หลังจากโดนถล่มด้วยเสียงด่าอย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากนี้ ทีมต้องพยายามพิสูจน์ ให้เห็นว่าสามารถขับเคลื่อนผลงานที่ดี ได้ด้วยตนเองไม่ใช้เดินหน้า เพราะเสียงก่นด่าในโซเชียล มีเดีย
ต่อจากนี้โซลชาแ ละลูกทีมยังคงต้องเจองานหนัก ทั้งออกไปเยือน อตาลันต้า ในเวที แชมเปี้ยนส์ ลีก และรับมือ แมนฯ ซิตี้ ในลีก ซึ่งถือเป็นสองเกมที่ทีมต้องแสดงบางอย่า งให้แฟนบอลได้เห็นก่อนถึง ช่วงเบรกทีมชาติ
คลิกเลย >>> https://www.ufabetwins.com/
อ่านเพิ่มเติม >>> บ้านผลบอล