UFABETWINS ไมเคิล จอร์แดน, เลบรอน เจมส์ หรือแม้กระทั่ง โคบี้ ไบรอันท์ ชื่อเหล่านี้คือตำนานของ NBA อย่างไม่ต้องสงสัย

ทว่าทั้ง 3 ชื่อนี้ยังไม่สามารถทำในสิ่งที่ คารีม อับดุล-จาบาร์ อดีตผู้เล่นของ แอลเอ เลเกอร์ส และ มิลวอกี บัคส์ ทำได้ นั่นคือการทำแต้มได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของ NBA แบบที่ทิ้งห่างอันดับ 2 อย่างขาดลอย 38,387 คะแนน คือแต้มที่ คารีม ทำได้ และเขาเล่าที่มาว่า บรูซ ลี พระเอกนักบู๊นั้นมีส่วนเกี่ยวข้อง 2 บุรุษต่างวงการและต่างเชื้อชาติ มาเกี่ยวกันได้อย่างไร? ติดตามได้ที่นี่ ตำนานบาส ตำนานบู๊ เส้นทางของตำนานนักบาสอย่าง คารีม อับดุล-จาบาร์

และตำนานนักบู๊อย่าง บรูซ ลี นั้นไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาทั้งสองคนจะมาบรรจบกันได้ เริ่มกันที่ คารีม (หรือชื่อในสูติบัตร ลู อัลซินดอร์) นั้น เขาคนนี้เกิดมาเพื่อเป็นนักกีฬาอย่างแท้จริง ร่างกายของเขาแข็งแรงและใหญ่โตกว่าปกติตั้งแต่เกิด น้ำหนักตัวก่อนคลอดของเขาอยู่ที่ 5.7 กิโลกรัม ซึ่งน้ำหนักเฉลี่ยของเด็กแรกเกิดนั้นปกติแล้วอยู่ที่ประมาณ 2.5-3 กิโลกรัมเท่านั้น และร่างกายของเขายังไม่หยุดเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดด เมื่อเขาอายุได้ 9 ขวบ คารีม สูงถึง 173

เซนติเมตร ก่อนจะพุ่งทะยานไปที่ 203 เซนติเมตร ตั้งแต่อายุ 13 ปี และดังก์ได้ตั้งแต่เวลานั้น ความสูงที่มาพร้อมกับความตั้งใจและเอาจริงในการเล่นบาสเกตบอล ทำให้ คารีม กลายเป็นนักบาสรุ่นมัธยมที่ทำลายสถิติทุกอย่างจนได้ฉายาว่า “หอคอยแห่งพลัง” ก่อนจะได้เข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่ UCLA และทุกอย่างก็ไปตามทิศทางที่เราทุกคนรู้กัน เขาคือว่าที่ซูเปอร์สตาร์ NBA คนต่อไปด้วยความสามารถและร่างกายที่ไม่มีใครหยุดได้ … อย่างไรก็ตามย้อน

กลับไปในยุค 60-70s เรื่องการเหยียดผิวยังรุนแรงกว่าทุกวันนี้ ดังนั้นแม้ คารีม อับดุล-จาบาร์ จะเก่งแค่ไหน เขาก็ยังมีจุดอ่อนภายในหัวใจอยู่ลึกๆ เพราะเวลาไปแข่งที่ไหน เขามักจะถูกเรียกว่า “นิกเกอร์” ซึ่งเป็นคำเหยียดผิวโดยตรง จุดนี้เองทำให้เขาได้พบเจอกับอาจารย์ชาวเอเชีย ที่เขาใจถึงการไต่จากชนชั้นที่ไม่ถูกยอมรับ สู่การเป็นผู้มีอิทธิพลในสังคมอย่าง บรูซ ลี บรูซ ลี หรือ หลี เสี่ยว หลง เป็นลูกครึ่ง … พ่อของเขาเป็นนักแสดงงิ้วชาวฮ่องกง ขณะที่แม่ของเขาเป็นลูก

ครึ่งเยอรมัน-จีน ทว่าตัวของเขาได้สัญชาติอเมริกันแต่กำเนิด เพราะในช่วงที่เขาใกล้คลอดนั้น พ่อของเขาพาครอบครัวมาใช้ชีวิตที่สหรัฐอเมริกาเพราะมีงานแสดงงิ้วแน่นเต็มตาราง ระหว่างนั้นแม่ของเขาก็คลอด หลี เสี่ยว หลง ออกมาในปี 1940 เขาเป็นเด็กที่มีความสามารถด้านกิจกรรมหลายๆ อย่าง ทั้งเต้น, การต่อสู้ และการแสดง ทว่าปัญหาคือ เขาเป็นคนใจร้อน ชอบมีเรื่องชกต่อยอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งสุดท้ายเขาก็เรียนไม่จบเพราะมีเรื่องทะเลาะวิวาทและโดนไล่

UFABETWINS

ออกจากโรงเรียนที่ฮ่องกง เมื่อเห็นท่าไม่ดี เพราะพฤติกรรมของลูกชายเริ่มอยู่ในสายตาของตำรวจบ่อยขึ้นเรื่อยๆ พ่อของเขาจึงส่งเขาไปที่สหรัฐอเมริกาด้วยการไปอยู่ที่ ซีแอตเทิล โดยอาศัยอยู่กับครอบครัวของเพื่อนพ่อและ แอกเนส พี่สาว การไปอเมริกาทำให้เขาเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า บรูซ ลี และกลายเป็นคนที่รู้จักชีวิตและรับผิดชอบตัวเองมากขึ้น รวมถึงเรียนจบชั้นประกาศนียบัตรด้วย (อันที่จริง เจ้าตัวได้ศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่ตัดสินใจไม่เรียนต่อให้จบ)

เขาทำงานหลายอย่างที่อเมริกา ทั้งการเป็นเด็กเสิร์ฟ, เป็นครูสอนเต้น และเป็นครูสอนกังฟู ซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้ที่เขาเรียนมาตั้งแต่อายุ 13 ปี กับปรมาจารย์อย่าง “ยิปมัน” ซึ่งศาสตร์ด้านการต่อสู้นี้นี่เองที่ทำให้ บรูซ ลี เกิดไปเข้าตาผู้สร้างภาพยนตร์และซีรี่ส์ในฮอลลีวูด ก่อนที่เขาจะได้แสดงและแจ้งเกิดในซีรี่ส์เรื่อง Green Hornet กับบท เคโต้ ผู้ช่วยพระเอก จากนั้นการต่อสู้ฉบับ บรูซ ลี ก็กลายเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของผู้ชมและทำให้เขามีชื่อเสียงภายในเวลาอันรวดเร็ว

มาถึงจุดที่โด่งดัง เขากลับต้องรับมือกับคนที่ไม่เห็นด้วยและเหยียดเชื้อชาติของเขา ในวงการบันเทิงนั้น บรูซ ลี มีศึกภายในวงการเหมือนกับหนังดราม่า ทั้งโดนกีดกันทางเชื้อชาติ โดนกลั่นแกล้งและปิดโอกาส แต่ความเด็ดเดี่ยวของเขาเองที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง บรูซ ลี ไม่เคยยอมแพ้ เขาเอาชนะนักแสดงคนอื่นๆ ได้ด้วยฝีมือการแสดงและไม่เคยยอมแพ้กับการโดนกลั่นแกล้ง สุดท้าย “ตำนานกังฟู” ก็กลายเป็นฉายาของเขา “พ่อของฉันได้ก้าวข้ามผู้คนที่หยิ่งผยอง

และเต็มไปด้วยความโหดร้าย เขาต้องพยายามมากกว่าคนอื่นหลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับคนที่ธรรมชาติแทบจะมอบความสำเร็จมาให้อยู่แล้ว” แชนนอน ลี ลูกสาวของเขาเล่าเรื่องอดีตเกี่ยวกับ บรูซ ลี ในวันที่สร้างชื่อเสียง มาถึงช่วงปลายยุค 60s คารีม อับดุล-จาบาร์ กลายเป็นสตาร์นักบาส ขณะที่ บรูซ ลี ก็กลายเป็นราชานักบู๊ … ทว่าทั้งคู่มีความต่างกันอยู่อย่างหนึ่ง คารีม มีสภาพจิตใจที่ยังไม่เข้มแข็งมากพอต่อการเพิกเฉยเมื่อโดนเหยียดผิว ต่างกับ บรูซ ลี ที่ตอบกลับ

ถ้อยคำเหล่านั้นแบบ “เหนือชั้น” .. เขาเป็นคนที่ถูกมองว่าเย่อหยิ่งและจองหองเมื่อมีชื่อเสียง ครั้งหนึ่งเขาเคยบอกว่าเขาเอาชนะ มูฮัมหมัด อาลี ได้ และนั่นทำให้ใครหลายคนไม่ชอบเขา อย่างน้อยๆ ก็ เควนติน ทารันติโน่ ที่นำ บรูซ ลี มายำซะเละในภาพยนตร์ Once Upon a Time in Hollywood ล่ะคนหนึ่ง (ถึงแม้ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า บรูซ ลี พูดแบบนั้นจริงๆ รึเปล่า) … แต่ บรูซ ลี ไม่สนใจ เขาผ่านเส้นทางที่ยากลำบากและสู้ตายกับสิ่งเหล่านั้นแบบไม่มีใครเห็น ดังนั้นเมื่อเขา

กลายเป็นที่ยอมรับ เขาก็จะตอบกลับด้วยการกระทำที่เหมือนกันกับที่เขาเคยเจอ … และ คารีม อับดุล-จาบาร์ ต้องการสิ่งนั้น ปริญญาจาก บรูซ ลี ย้อนกลับไปในสมัยที่ คารีม อับดุล-จาบาร์ ยังคงเป็นนักบาสในระดับมหาวิทยาลัยนั้น เขาเก่งเกินคนอื่นๆ ตั้งแต่เข้าเรียนปีที่ 1 แล้ว เก่งจนถึงขั้นที่ว่าสำนักข่าวสายเจาะลึกอย่าง Sports Illustrated ยังกล้าฟันธงอนาคตของเขาตั้งแต่ยังไม่ลงสนามว่า จะกลายเป็นอนาคตผู้เล่นระดับตำนาน NBA แน่นอน ถึงแม้ คารีม จะพร้อมแล้วสำหรับ

การเป็นนักบาสอาชีพและเข้าดราฟต์ในทันที ทว่าปัญหาในตอนนั้นคือ NBA มีกฎว่า ไม่อนุญาตให้ผู้เล่นที่เรียนไม่จบมหาวิทยาลัยเข้าระบบการดราฟต์ได้ ทุกคนต้องมีปริญญาเป็นต้นทุนก่อน ซึ่งจุดนั้นเอง คารีม ก็ได้เจอกับวิชาที่เขาอยากจะเรียนมากที่สุด ได้แก่วิชาศิลปะการต่อสู้นั่นเอง ในช่วงยุค 60s บรูซ ลี ติดลมบนไปแล้ว นอกจากจะเป็นนักแสดงแล้ว เขายังเป็นอาจารย์กังฟูชื่อดังระดับโลก เปิดหลักสูตรสอนอย่างเป็นทางการและเป็นวิทยาลัยกังฟูแห่งแรกที่เปิดสอน

ทุกคน ไม่จำกัดสีผิวไม่จำกัดเชื้อชาติ เพราะเดิมทีนั้นศิลปะการต่อสู้แบบกังฟูนั้นมีแต่ชาวเอเชียที่เข้ามาศึกษาเท่านั้น ประจวบเหมาะสุดๆ เพราะ คารีม อับดุล-จาบาร์ เป็นนักศึกษาคณะศิลปะศาสตร์ สาขาวิชาประวัติศาสตร์และเขาเกิดสนใจเรื่องของศิลปะการต่อสู้เป็นอย่างยิ่ง เขาจึงเลือกเรียนวิชาที่ชื่อ Jeet Kune Do ศาสตร์การต่อสู้ซึ่ง บรูซ ลี เป็นผู้คิดค้น และที่นั่นเองเขาได้ยิ่งกว่าความกล้าหาญ แต่มันคือวิชาที่ทำให้เขาสามารถใช้ “สกายฮุก” ท่าไม้ตายของเจ้าตัว ที่ทำให้

เขายังคงเป็นนักบาสที่ทำแต้มมากที่สุดในประวัติศาสตร์ NBA จนถึงทุกวันนี้ “บรูซ ลี สอนผมยิ่งกว่าเรื่องราวของ วิชา แต่มันคือชีวิต เขาสอนให้ผมมีวินัยต่อตัวเองและเข้าให้ถึงจิตวิญญาณของการเป็นนักสู้” คารีม อับดุล-จาบาร์ เล่าย้อนกลับไปเหตุการณ์สำคัญของเขา “ผมเจอเขาตอนผมยังเป็นนักศึกษาที่ UCLA ผมมองหาที่เรียนศิลปะการต่อสู้ และเราก็ได้พบกัน ความสัมพันธ์ของผมและเขาพัฒนาไปเร็วมากในฐานะครูและลูกศิษย์ และเขาได้สอนเคล็ดลับบางอย่างที่

ทำให้ผมสามารถเป็นนักบาส NBA และรักษามาตฐานได้ยาวนานเกินกว่า 20 โดยที่ผมแทบไม่มีอาการบาดเจ็บรบกวนเลย” สิ่งที่ บรูซ ลี สอน คารีม นั้นถือเป็นพื้นฐานของศิลปะการต่อสู้อย่างแท้จริง และมันอาจจะเป็นหลายสิ่งที่นักกีฬาสมัยก่อนมองข้ามไป พวกเขาซ้อมหนัก แข่งเยอะ แต่พวกเขาไม่ได้เตรียมกล้ามเนื้อให้พร้อมกับการออกกำลังกายหนักๆ แบบนั้น กังฟู คือศาสตร์ที่ให้ความสำคัญกับสมาธิและการยืดเส้นอย่างที่สุด การขยับท่วงท่าต่างๆ ถือเป็นการฝึกสมาธิ

ควบคู่ไปกับการบริหารร่างกายรวมถึงฝึกลมหายใจเข้า-ออก ให้ร่างกายสมดุลในเวลาเดียวกัน ศาสตร์ของ บรูซ ลี คือกังฟูไม่ได้ทำให้คุณแข็งแกร่งแค่ที่แขนหรือที่ขา ไม่ใช่แค่เตะหรือต่อย แต่มันคือการสร้างสมดุลให้กับทุกส่วนของร่างกาย สิ่งที่ บรูซ ลี มอบให้ คารีม คือ “วิชายืดหยุ่น” ที่เหมาะกับคนที่สูงผิดมนุษย์มนาอย่างเขา บรูซ ลี รู้ว่าหาก คารีม ไม่มีสมดุลในร่างกายและไม่ยืดเส้นสายกล้ามเนื้อให้ดี พรสวรรค์ที่เขาได้มาจะหมดไปอย่างรวดเร็วเพราะอาการบาดเจ็บเข้า

มารบกวน “บรูซ เข้ามาเน้นย้ำถึงประสิทธิภาพในการใช้งานกล้ามเนื้อของผม เขาสั่งให้ผมยืดกล้ามเนื้อเสมอ มันทำให้ผมเตือนตัวเองตลอดว่าก่อนที่จะออกกำลังกายควรยืดเส้นยืดสายให้เข้าที่” คารีม เล่าต่อ “เรื่องเล็กๆ แบบนี้นี่แหละทำให้ผมยกระดับตัวเองไปอีกขั้นเลย ผมเห็นประโยชน์ของมัน ผมตั้งใจศึกษาจริงจังและไปถึงขั้นเรียนโยคะ ซึ่งเป็นศาสตร์การซ่อมบำรุงและป้องกันการศึกษาของร่างกายได้ดีที่สุด ผมทำมันสม่ำเสมอและต้องแน่ใจว่าจะไม่ลืมฝึกยืดหยุ่น

ร่างกายในทุกๆ 3 หรือ 4 วันต่อ 1 สัปดาห์” คารีม กล่าว ไม่มีใครหยุดได้ วิชายืดเส้นจาก บรูซ ลี และการสอนให้รู้จักวินัยในการดูแลร่างกายตัวเอง ทำให้ คารีม อับดุล-จาบาร์ กลายเป็นเหมือนกับสัตว์ประหลาดเมื่อลงสนาม และเขาสามารถหยิบจับท่าไม้ตายที่เรียกว่า “สกายฮุค” เอามาใช้ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด เขาสูง 7 ฟุต 2 นิ้ว (218 เซนติเมตร) และท่าสกายฮุคนั้นคือท่าที่เขาได้เปรียบคนอื่นๆ จากความสูงนั้น เพราะเมื่อเขากระโดดและเหยียดตัวให้มากที่สุด ยกแขนขึ้น

UFABETWINS

และจากนั้นก็โยนลูกข้ามบล็อกเข้าห่วงไป เมื่อนั้นก็ไม่มีใครหยุดได้เพราะนอกจากจะสูงด้วยขนาดตัวแล้ว เขายังสามารถยืดเหยียดตัวได้ยาวกว่าคนปกติอีกต่างหาก “มันไม่มีใครสามารถที่จะหยุดลูกนั้นได้ มันหยุดได้ยากมาก คารีมใช้ลูกนี้จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของเขาเลย” บิล รัสเซลล์ ตํานานของเซลติกส์นั้นได้บอกเอาไว้ ไม่มีใครกล้าโกหกสำหรับเรื่องนี้ เพราะจาก 38,387 คะแนนที่ คารีม อับดุล-จาบาร์ ทำได้นั้น เกิดจากการใช้ท่าไม้ตายกระโดดยืดสุดฤทธิ์อย่าง สกายฮุค

เกือบครึ่งหนึ่งของแต้มทั้งหมดที่เขาทำได้เลยทีเดียว อย่างไรก็ตามสิ่งสุดท้ายที่ บรูซ ลี ทิ้งไว้ให้กับ คารีม อับดุล จาบาร์ ไม่ใช่แค่วิชายืดเส้นเท่านั้น แต่มันคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในบทเรียนของเขา นั่นคือการเสริมสภาพจิตใจให้แข็งแกร่งที่สุด แกร่งจนชนิดที่ว่าสามารถเอาชนะความเกลียดชังด้วยความเก่งกาจ สิ่งนี้จะทำให้เหล่า “เฮทเตอร์” (Hater) หรือ “กองแช่ง” หมดข้ออ้าง และสุดท้ายจะต้องยอมแพ้ จนต้องเปลี่ยนจากความเกลียดชังกลายเป็นการคารวะแต่โดยดี บรูซ

ลี และ คารีม อับดุล-จาบาร์ ต่างก็โดนเหยียดเชื้อชาติมาไม่ต่างกันสำหรับการพยายามไต่สู่จุดสูงสุดในสายอาชีพของตัวเอง ในครั้งแรกๆ คารีม อาจจะหวั่นไหวกับเรื่องนั้นบ้าง แต่ บรูซ ลี สอนให้เขารู้ว่าอย่าสนใจคำพูดที่ไร้สาระ แต่ทำในสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่นให้ดีที่สุด สุดท้ายแล้วมันจะเปลี่ยนทุกสิ่งไปโดยที่เขาไม่รู้ตัว “ผมเดินไปตามที่สาธารณะกับ บรูซ ลี อยู่หลายครั้ง และบ่อยครั้งที่เขาโดนตะโกนท้าตีท้าต่อยจากพวกเกรียนให้ได้เข้าหู สิ่งที่เขาทำคือปฎิเสธมันอย่างสุภาพ

และเดินหน้าต่อไป … กฎข้อแรกในการต่อสู้ของ บรูซ ลี ไม่ใช่การต่อสู้ แต่มันคือการหลีกเลี่ยงการปะทะที่ไม่จำเป็น ยกเว้นเสียแต่ว่ามันไม่มีตัวเลือกอื่นๆ … เขาบอกเสมอว่าไม่ควรพิสูจน์ตัวเองให้กับคนพวกนี้เห็น” คารีม กล่าว แนวคิดจากคนเอเชียตัวเล็กๆ ที่ผ่านเรื่องราวแสนยากลำบาก ได้เปลี่ยน คารีม อับดุล-จาบาร์ ไปโดยปริยายถึง 2 แง่ … หนึ่ง คือเขาได้ทบทวนถึงสิ่งสำคัญที่สุดในอาชีพของเขา นั่นคือการดูแลร่างกายให้สามารถใช้งานได้มีประสิทธิภาพที่สุด

และอย่างที่สองในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหรือโดนดูถูกจากใคร สิ่งสำคัญคือรู้จักจิตใจตัวเองและทบทวนความคิดตัวเองเสมอว่า “เราต้องการอะไร?” … หากอยากจะยิ่งใหญ่ต้องตั้งมั่นในเสียงของหัวใจตัวเองให้ดี บรูซ ลี ไม่ได้กล่าวเอาไว้ แต่แสดงให้ คารีม อับดุล-จาบาร์ เห็น

 

อ่านข่าวอื่นๆที่ >>> UFABETWINS
หน้าแรก >>> บ้านผลบอล