หน้าหมอง “เซาธ์เกต” ออกมาเผยอนาคตกับทีมชาติอังกฤษแล้ว หลังชวดแชมป์ยูโร 2020

UFABETWINS แกเร็ธ เซาธ์เกต ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนล่าสุด หลังแพ้ทีมชาติอิตาลี ชวดแชมป์ยูโร 2020 พร้อมเผยอนาคตในตำแหน่งผู้จัดการทีมทีมชาติอังกฤษ
วันที่ 12 ก.ค. 64 ควันหลงฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป “ยูโร 2020” รอบชิงชนะเลิศ เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่ง ทีมชาติอังกฤษ ถูก ทีมชาติอิตาลี ตามตีเสมอ 1-1 ในเวลาปกติ 90 นาที ก่อนโดนยันสกอร์ในช่วงต่อเวลาพิเศษและแพ้ไปในที่สุดในการดวลจุดโทษตัดสิน 2-3
หลังพลาดโอกาสทองในการคว้าแชมป์รายการแรกในรอบ 55 ปี นับตั้งแต่ได้แชมป์ฟุตบอลโลก 1966 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ ล่าสุด แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือทีมชาติอังกฤษก็ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกครั้งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่นที่เมืองผู้ดี

เมื่อถูกถามถึงเรื่องอนาคตในการคุมทีม “สิงโตคำราม” ซึ่งเริ่มมีเสียงเรียกร้องจากแฟนบอลว่าให้มีการเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีม หลังตัดสินใจที่จะเสี่ยงให้เหล่าดาวรุ่งอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด, เจดอน ซานโช และ บูกาโย ซากา รับหน้าที่สังหารจุดโทษ 3 คนสุดท้าย ก่อนยิงไม่เข้าทั้งหมดจนทีมต้องแพ้ “อัซซูรี”

อย่างไรก็ตาม เซาธ์เกต ซึ่งดูท่าทางหดหู่อย่างเห็นได้ชัด ตอบประเด็นนี้ว่า “การที่ผมมานั่งตรงนี้ในวันนี้ ผมจะบอกว่าอยากพาทีมไปเล่นที่กาตาร์ (ฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย) แน่นอนว่าเราต้องผ่านรอบคัดเลือกเพื่อไปเล่นที่กาตาร์ให้ได้ก่อน ผมจำเป็นต้องใช้เวลาสักพักในการดูเกมเมื่อคืนที่ผ่านมาอีกครั้ง เพื่อสะท้อนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดทัวร์นาเมนต์” UFABETWINS

UFABETWINS

“ตอนนี้ผมจำเป็นต้องพักผ่อนก่อน นับเป็นประสบการณ์ที่น่าอัศจรรย์มากในการนำทีมชาติของพวกคุณลงเล่นในทัวร์นาเมนต์เหล่านี้ แต่การเดินทางมันก็มีค่าผ่านทางที่ต้องจ่าย อย่างไรก็ดี ผมรู้สึกว่าเรามีการพัฒนาที่ดีขึ้นตลอด 4 ปีที่ผ่านมา หลายสิ่งที่เราทำนั้นได้มาถูกทางแล้ว และเราก็รู้ว่าทีมชุดนี้ยังไม่ถึงจุดพีค ซึ่งทุกคนยังเติบโตขึ้นได้อีก”

สำหรับ เซาธ์เกต เข้ามาคุมทีมชาติอังกฤษครั้งแรกในฐานะกุนซือชั่วคราวเมื่อเดือนกันยายน ปี 2016 หลังจาก แซม อัลลาร์ไดซ์ ติดคดีอื้อฉาว ก่อนทำผลงานเข้าตาสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ด้วยการพาทีมเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้าย ที่รัสเซีย จนได้รับสัญญาถาวรในเดือนตุลาคม ปี 2017 ปัจจุบันยังเหลือสัญญาจนจบฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ที่กาตาร์ ในช่วงปลายปีหน้า

อาถรรพณ์ดวลจุดโทษ ของแสลงที่ยังตามหลอกหลอนทีมชาติอังกฤษทุกยุค

หลังสิ้นเสียงนกหวีดจาก บียอร์น ไคเปอร์ส ผู้ตัดสินชื่อดังจากแดนกังหันลม ก็เป็นอันว่า “It’s coming home” ที่ชาวอังกฤษวาดฝันเอาไว้ ตั้งแต่ช่วงต้นทัวร์นาเมนต์ ก็ต้องกลายเป็น “It’s coming Rome” ไปโดยปริยาย
จะว่าไป การพ่ายให้คู่แข่งในช่วงดวลจุดโทษชี้ขาด ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับทัพ “สิงโตคำราม” แต่อย่างใด เพราะเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานแล้ว นับตั้งแต่สมัยที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ยังคงเป็นนักเตะอยู่ด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนว่าความโชคร้ายในประเด็นนี้ จะไม่ใช่สิ่งที่แข้งรุ่นหลัง อยากได้เป็นมรดกตกทอดสักเท่าไหร่นัก บ้านผลบอล

UFABETWINS
จำเนียรกาลกลับไป เฉพาะในเกมระดับเมเจอร์ (ฟุตบอลโลก/ฟุตบอลยูโร/เนชันส์ลีก) ดูเหมือนว่าเทพีแห่งโชค จะไม่ค่อยเข้าข้างทีมชาติอังกฤษสักเท่าไร ในการดวลจุดโทษตัดสินชี้ขาด เพราะจาก 10 ครั้งล่าสุด อังกฤษเก็บชัยได้ไปเพียงแค่ 3 ครั้งเท่านั้น และแพ้ไปถึง 7 ครั้ง

โดยเฉพาะการวัดดวงกับคู่ปรับตัวฉกาจอย่าง เยอรมนี 2 ครั้ง, โปรตุเกส 2 ครั้ง, อิตาลี 2 ครั้ง รวมไปจนถึง “ฟ้าขาว” อาร์เจนตินา และ สเปน ทีมละ 1 ครั้ง สรุปได้คำเดียวว่า “พ่ายเรียบ!!”

บนุชชี” โชว์ซด 2 เครื่องดื่มดัง แถมมีร้องเพลงจิกกัด “ทีมชาติอังกฤษ”

“เลโอนาร์โด โบนุชชี” แนวรับของ “อิตาลี” โชว์ดื่มเบียร์และน้ำอัดลมยี่ห้อดัง ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนในศึก “ยูโร 2020” ที่ห้องแถลงข่าว หลังจบเกมชนะจุดโทษอังกฤษ 3-2
วันที่ 12 ก.ค. 64 เลโอนาร์โด โบนุชชี ปราการหลังคนสำคัญของ “อัซซูรี” ทีมชาติอิตาลี โชว์ดื่มเบียร์และน้ำอัดลมยี่ห้อดังซึ่งเป็นผู้สนับสนุนหลักในศึก “ยูโร 2020” ที่ห้องแถลงข่าว หลังจบเกมเอาชนะจุดโทษ “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ 3-2 (เสนอในเวลา 120 นาที 1-1)
ทั้งนี้ เลโอนาร์โด โบนุชชี ที่คว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ เดินเข้ามาห้องแถลงข่าวพร้อมทำท่าดีใจเต็มที่หลังการคว้าแชมป์ในครั้งนี้ ซึ่งหลังจากนั้นตัวเขานั่งลงพร้อมกระดกยกซดเบียร์และน้ำอัดลมยี่ห้อดัง พร้อมกับพูดสั้นๆ ว่า “ผมควรที่จะได้ดื่มเบียร์นี้นะ และคืนนี้ผมจะดื่มทุกอย่างที่อยู่ตรงนี้แหละ”

นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งคลิป เลโอนาร์โด โบนุชชี กอดคอ จอร์จินโญ แข้งเพื่อนร่วมทีมพร้อมร้องเพลงด้วยประโยคที่ว่า “อิส คัมมิ่ง โรม” โดยมีนัยแฝงเพื่อเป็นการแซวอังกฤษหลังจากที่ถูกทาง ยูฟ่า สั่งห้ามร้องเพลง “ฟุตบอล อิส คัมมิ่ง โฮม” ที่ แฟรงค์ สกินเนอร์ นักร้องชื่อดังเป็นคนแต่ง เพราะว่าไม่แฟร์กับคู่แข่งนั่นเอง เพราะเปรียบเสมือนลงเล่นในบ้านของตัวเอง